สมัยเผด็จการของนายพลฟรังโก (ค.ศ. 1936-1975) ของ ประวัติศาสตร์สเปน

นายพลฟรันซิสโก ฟรังโก

แม้สเปนจะวางตัวเป็นกลางทั้งในสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ต้องเผชิญกับสงครามกลางเมือง (ค.ศ. 1936-1939) ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับประเทศดังกล่าวไปแล้ว หลังจากประกาศยุติการสู้รบอย่างเป็นทางการ นายพลฟรันซิสโก ฟรังโกได้ประกาศเปลี่ยนชื่อสาธารณรัฐสเปนเป็น "รัฐสเปน" (Spanish State; Estado Español) ซึ่งเป็นความต้องการที่จะแยกความแตกต่างของระบอบการปกครองใหม่ออกจากทั้งระบอบราชาธิปไตยและระบอบสาธารณรัฐที่มีมาแต่เดิม

นายพลฟรังโกกุมอำนาจปกครองประเทศในระบอบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จนิยมซึ่งเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชนในทุก ๆ ด้าน สเปนจึงถูกโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้นก็เริ่มจะตามทันประเทศเพื่อนบ้านของตนในยุโรปอยู่บ้าง ต่อมาในปี ค.ศ. 1947 รัฐสเปนได้รับการประกาศให้เป็นประเทศราชาธิปไตย แต่ก็ยังไม่มีการระบุให้ผู้ใดขึ้นครองราชย์ ซึ่งนายพลฟรังโกได้สงวนสิทธิ์ในการเลือกประมุขไว้เอง

ในสมัยนี้ สเปนยังพยายามเรียกร้องเอาดินแดนยิบรอลตาร์คืนจากสหราชอาณาจักรอย่างแข็งขัน และได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นในองค์การสหประชาชาติซึ่งสเปนเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี ค.ศ. 1955 หลังจากถูกนานาชาติกีดกันในช่วงแรก ๆ ต่อมาในคริสต์ทศวรรษ 1960 สเปนได้ใช้มาตรการจำกัดเขตแดนกับยิบรอลตาร์ ซึ่งในที่สุดก็ลงเอยด้วยการปิดพรมแดนในปี ค.ศ. 1969 และไม่มีการเปิดใช้อย่างสมบูรณ์จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1985

ส่วนในแอฟริกา การปกครองของสเปนในโมร็อกโกสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1956 แม้จะได้รับชัยชนะทางการทหารในสงครามการรุกรานแอฟริกาตะวันตกของสเปนจากโมร็อกโก (ค.ศ. 1957-1958) แต่สเปนก็ค่อย ๆ ถอนตัวออกไปจากอาณานิคมในแอฟริกาที่ยังเหลืออยู่เนื่องจากถูกสหประชาชาติกดดัน สแปนิชกินีได้รับเอกราชเป็นประเทศอิเควทอเรียลกินีในปี ค.ศ. 1968 และจังหวัดอิฟนีกลายเป็นส่วนหนึ่งของโมร็อกโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969

ธงชาติสเปนสมัยนายพลฟรังโก

ช่วงหลัง ๆ ของสมัยการปกครองของนายพลฟรังโก มีการเปิดเสรีและการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการเมืองในสเปนมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศด้วย ต่อมาสเปนก็ได้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม[102] และในที่สุดเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1969 นายพลฟรังโกออกประกาศว่าตนเองได้เลือกเจ้าชายฆวน การ์โลสแห่งราชวงศ์บูร์บง (สายสเปน) ให้สืบทอดตำแหน่งประมุขแห่งรัฐต่อจากเขา[103] ในปี ค.ศ. 1975 สแปนิชสะฮาราซึ่งเป็นอาณานิคมแห่งสุดท้ายของสเปนก็หลุดมือไปอยู่กับโมร็อกโก (แต่ยังมีปัญหาการเรียกร้องเอกราชในดินแดนดังกล่าวอยู่จนถึงทุกวันนี้) ไม่นานนักนายพลฟรังโกก็ถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 20 พฤศจิกายน และอีกสองวันถัดมา (22 พฤศจิกายน) เจ้าชายฆวน การ์โลสก็เสด็จขึ้นครองราชย์และเฉลิมพระนามว่า "สมเด็จพระราชาธิบดีฆวน การ์โลสที่ 1 แห่งสเปน" ดังนั้น ชื่อประเทศอย่างเป็นทางการจึงถูกเปลี่ยนจากรัฐสเปนเป็น "ราชอาณาจักรสเปน" (Kingdom of Spain; Reino de España) นับแต่นั้น

ใกล้เคียง

ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสนาพุทธ ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์จีน ประวัติศาสตร์โลก ประวัติศาสตร์สหรัฐ ประวัติศาสตร์สเปน ประวัติศาสตร์เยอรมนี ประวัติการบินไทย

แหล่งที่มา

WikiPedia: ประวัติศาสตร์สเปน http://www.ucalgary.ca/applied_history/tutor/eurvo... http://www.bartleby.com/65/ch/Charles5HRE.html http://indoeuro.bizland.com/archive/article8.html http://www.britannica.com/EBchecked/topic/557573/S... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/557573/S... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/558200/S... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/590747/T... http://www.clarin.com/diario/2003/03/29/um/m-53749... http://www.generalisimofranco.com/GC/batallas/006.... http://www.historynet.com/second-punic-war-battle-...